สวัสดีครับ แว่วมาว่าตลาดหุ้นปิดทำการเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เม.ย. 2554 ดัชนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.25 จุด ปิดบวกที่ 1,093.56 จุด โดยรวมแล้วดัชนีก็ยังทรงตัว มีระดับการผันผวน อยู่ในช่วงพักฐาน ซึ่งยังไม่ลงมาเลยแนวรับสำคัญที่ประมาณ 1,085 จุด หุ้นใหญ่เงียบ แต่หุ้นเล็กรุ่ง!! ในสัปดาห์คงต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการยุบสภาว่าจะส่งผลอย่างไรกับตลาดบ้าง ต้องดูกันต่อไปครับ
การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นนั้น ไม่เหมือนเดินเข้าไปในตลาดสดหยิบเงินให้แล้วเอาของมานะครับ การซื้อขายหุ้นนั้นจะต้องกระทำการผ่านนายหน้าค้าหุ้นที่เค้าเรียกกันว่า "โบรกเกอร์" โบรกเกอร์เหล่านี้จะเป็นบริษัทที่มีหน้าที่เป็นตัวแทนค้าหุ้นให้กับลูกค้าหรือนักลงทุนนั่นเอง ทุกๆ ครั้งที่เพื่อนๆ จะทำการซื้อหรือขายหุ้นตัวใดจำนวนเท่าใด จะต้องละเอียดลึกๆ ว่าโบรกเกอร์คืออะไร มีที่มาอย่างไรทำผ่านโบรกเกอร์ทั้งนั้นซึ่งแน่นอนครับโบรกเกอร์เหล่านี้ก็จะได้เงินจากค่าคอมมิชชั่นที่เกิดขึ้นในการกระทำการซื้อหรือขายของเพื่อนๆ ในแต่ละครั้งนั่นเอง รายให้เพื่อนๆ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมเองนะครับ ผมจะไม่พูดถึงลงลึกมาก เอาคร่าวๆ ให้เข้าใจว่าเขาเป็นใครพอในขั้นนี้ ดังนั้นก่อนเพื่อนๆ จะทำการลงทุนในตลาดหุ้น จึงต้องเปิดบัญชีหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ก่อนนั่นเอง ไม่งั้นเพื่อนๆ ก็จะซื้อขายหุ้นไม่ได้ครับ บัญชีหลักทรัพย์เปรียบเสมือนบัญชีธนาคารที่เราสามารถนำเงินฝากถอนได้และนำเงินที่เราฝากไว้ในบัญชีนั่นแหละไปซื้อหุ้น
สิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น นั่นคือ การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีและเหมาะสมกับสไตล์ของตัวเองครับ แต่ในเมือ Blog นี้เป็น Blog สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ และยังเยาว์วัย ทุนน้อยทั้งหลาย ผมก็จะแนะนำการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับสไตล์ของเราๆ ให้แล้วกัน เนื่องจากโบรกเกอร์นั้นเขาหารายได้จากค่าคอมมิชชั่นที่เราจะต้องเสียให้ในการซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่แปลกที่จะมีการแข่งขันกันระหว่างโบรกเกอร์เองทั้งในเรื่องค่าคอมมิชชั่นและบริการต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีต่อนักลงทุนอย่างเราๆ ครับ หลักในการเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะสมกับเราที่สำคัญๆ คือบริการข่าวสารในการลงทุน บทวิเคราะห์ต่างๆ ลองเข้าไปดูที่หน้าเว็บของเขาว่ามีประสิทธิภาพและน่าใช้เพียงใดเป็นต้นนะครับ ดูเจ้าหน้าที่ หรือโบรกของเขาว่าทำหน้าที่ได้ดีเพียงใด สามารถบริการเราได้ถูกใจหรือไม่ ประมานนี้ แต่สำหรับเหล่านักลงทุนเยาว์วัย ทุนน้อยทั้งหลาย สิ่งที่ผมอยากให้ดูและสำคัญที่สุดคือ ค่าคอมมิชชั่น ต่างหากครับ
ค่าคอมมิชชั่น เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆ เคาะคำสั่งซื้อ หรือขาย และกระทำสำเร็จ นั่นคือเพื่อนๆ จะเสียค่าคอมมิชชั่นให้โบรกเกอร์ของเพื่อนๆ นั่นเอง โดยค่าคอมมิชชั่นนี้คิดเป็นเปอร์เซ็นจากเงินที่เพื่อนๆ ใช้ในการซื้อหรือขายในครั้งนั้นนั่นเอง ซึ่งอยู่ที่ 0.25% สำหรับการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ (ห้องค้าหรือโทร.) หรือ 0.15% สำหรับซื้อขายเองผ่านอินเตอร์เน็ต (โดย streaming pro เป็นต้น) ดังนั้นไม่ต้องถามครับว่าเราจะเลือก rate ราคาไหน 0.15% โดยซื้อขายเองผ่านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง 55+ นั่นหมายความว่าเพื่อนๆ จะไม่ได้รับคำแนะนำโดยตรงผ่านโทร.จากโบรกเกอร์ในการซื้อขาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าคอมมิชชั่นที่สูงถึง 0.25% มันสูงเกินไปสำหรับเราน่ะ 0.15% ถือว่าโอเคครับ ซึ่งมันก็ rate นี้ทุกๆ โบรกเกอร์นะ ลองเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ อัตราค่า Commission ของแต่ละโบรกเกอร์
สุดท้ายเลยคือ เวลาเพื่อนๆ เลือกดูค่าคอมมิชชั่นของแต่ละโบรกเกอร์เค้าแล้ว อย่าลืมดูหมายเหตุด้วยนะครับ เพื่อนๆ จะเจอคำว่า "ขั้นต่ำ 50 บาท" นี่แหละคือประเด็นสำคัญที่ผมต้องการ หมายความว่าอย่างไร ?? มันมีความหมายว่าหากคิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0.15% นะครับ สมมติเพื่อนๆ ซื้อหุ้น A ไปเป็นเงินทั้งหมด 5,000 บาท และในวันนั้นเพื่อนๆ ไม่ได้กระทำการซื้อหรือขายใดๆ อีกเลย หรือมีแค่คำสั่งซื้ออันนั้นอันเดียว เพื่อนๆ จะเสียค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายวันนี้เป็นเงินประมาณ 8.5 บาท คือ (5000x0.15)/100 + VAT 7% -->> ใช่หรือไม่?? ,, ไม่ใช่ครับ เพื่อนๆ จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน 50 บาทเต็มๆ!! นั่นเพราะเขาคิดขั้นต่ำต่อวันที่ 50 บาท หมายความว่าหากค่าคอมมิชชั่นที่เสียจริงในวันนั้นไม่เกิน 50 บาทแล้วละก็ เพื่อนๆ จะต้องเสียเท่ากับ 50 บาททันที ประมาณนั้น หนาวเลยครับ มีทุน 5,000 เสียวันละ 50 ลองคิดเล่นๆ ว่าตูจาทำกำไรวันละ 2% = 100 บาท เราก็ต้องเสียค่าคอมไปแล้วครึ่งนึงครับ ชีวิต!! ดังนั้นเพื่อนๆ จึงควรตั้งใจเลือกโบรกเกอร์ดีๆ ที่เขาไม่คิดค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำต่อวันนั่นเอง มันมีๆ 55+ ผมจะยกตัวอย่างโบรกเกอร์ที่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำต่อวัน อย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ หรือ ยูโอบีเคย์เฮียน ถ้าให้ผมแนะนำ ผมเลือกเปิดบัญชีที่บัวหลวงนะครับ เว็บไซต์ดี ข้อมูลดี ขั้นต่ำไม่มี เปิดบัญชีง่าย และมีบริการหรือเครื่องมือเยอะ
เลือกโบรกเกอร์ที่ดี ก็มีชัยเกินไปกว่าครึ่ง นอกจากจะดูบริการและข้อมูลที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับคนทุนน้อยก็คือดูค่าคอมมิชชั่นด้วยครับ เพราะหากไม่ดูตาม้าตาเรือ แทนที่จะได้กำไรที่งดงาม ระวังจะถูกละลายไปกับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่รู้ตัว แล้วจะหาว่าผมไม่เตือนนนน !!

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น