Today Trades: SYMC, BGH, INTUCH

27 เมษายน 2554

ก่อนจะเล่นหุ้น

          สวัสดีครับเช้าวันที่ 27 เม.ย. 2554 เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงกว่า 8 จุด ปิดที่ 1,096.95 เปลี่ยนแปลง 0.77% มูลค้าการซื้อขายกว่า 28,000 ล้านบาท เรียกว่าแดงทั้งกระดาน หุ้นใหญ่ๆ ดิ่งเกือบหมด ส่วนใหญ่จึงไปตกเล่นกันที่หุ้นเล็กๆ ครับ ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างจะผันผวนและมีความไม่แน่นอนมากๆ เพราะนักลงทุนมีหุ้นถืออยู่ในมือจำนวนมากและจะขายทำกำไรออกมาเมื่อไรก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องมีวินัยมากๆ ครับในช่วงนี้ นี่แหละครับ เราจะต้องติดตามข่าวสารและตลาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะตามตลาดทัน ข่าวสารและความเคลื่อนไหวของตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนอย่างมาก
          วันนี้ผมจึงถือโอกาสนี้ แนะนำเพื่อนๆ ที่สนใจและเริ่มอยากจะศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นขึ้นมา ก่อนอื่นเลยคือเพื่อนๆ ต้องปูพื้นฐานของตัวเองก่อน เริ่มจากหาหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุน เกี่ยวกับหุ้นต่างๆ มาอ่านเสียก่อน โดยให้เริ่มจากหนังสือที่มีเนื้อหาง่ายๆ เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ หนังสือที่ผมจะแนะนำคือ "เล่นหุ้นออนไลน์ ไม่ยาก" เขียนโดยคุณวีรวัฒน์ วีรวรรณ" หนังสือเล่มนี้จะเปิดโลกแห่งการลงทุนให้กับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยคุ้นเคยกับคำว่าหุ้นเลย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เพื่อนๆ รู้จักกับตลาดหุ้น พื้นฐานๆ ทั่วๆไป และที่สำคัญเลยคือเขาเล่นหุ้นกันอย่างไรในปัจจุบัน มีช่องทางไหนบ้างเป็นต้น หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ผมแนะนำคือ "คัมภีร์หุ้น โดย โสภณ ด่านศิริกุล" เล่มนี้จะอธิบายการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อย่างละเอียดกว่าเล่มแรกนะครับ เล่มแรกจะเป็นการ์ตูนๆ เยอะไป เหอะๆ คัมภีร์หุ้นนี้เพื่อนๆ จะได้เข้าใจการลงทุนในหุ้นอย่างชัดเจนขึ้น ละเอียดดี รวมถึงเทคนิคการเล่นหุ้น การดูพื้นฐาน เทคนิคการลงทุน และต่างๆ อีกมากมายที่จะเป็นการปูทางให้กับนักลงทุนมือใหม่นะครับ คัมภีร์หุ้น นั้นมีสองเล่มนะครับ เล่มสองก็อัดความรู้ที่เป็นขั้น advance ขึ้นนั่นเอง เท่านี้แหละครับ หนังสือสองเล่มนี้ที่ผมแนะนำ เพียงสองสามเล่มนี้ก็จะทำให้พื้นฐานความรู้ของเพื่อนๆ ในตลาดทุน และการเล่นหุ้นนั้นแน่นจน "เกือบ" สามารถที่จะไปลงทุนจริงๆ ได้แล้ว ความจริงมีหนังสือดีๆ อีกหลายเล่มนะครับ ที่ผมไม่ได้กล่าวถึง ก็ให้เพื่อนๆ ลองเลือกกันดูแล้วแต่สไตล์การอ่านของตนเองดีกว่าครับ ที่ผมแนะนำนี้เป็นหนังสือที่ผมเคยอ่านแล้วรู้สึกว่ามันเหมาะกับผม เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มลงทุน



          แต่เท่านั้นยังไม่พอหรอกครับ หากแค่อ่านหนังสือจบสองสามเล่ม ไปลงทุนแล้วจะได้กำไร ป่านนี้คงรวยกันทั่วบ้านทั่วเมือง อิอิ มันก็เหมือนกันกับการสอบ เพื่อนๆ อ่านแต่หนังสือกันเข้าไป ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เข้าไปทำข้อสอบ ก็ทำไม่ได้หมดหรอกครับ หากเพื่อนๆ ไม่เคยทำข้อสอบเก่าๆ ย้อนหลังไปบ้างใช่หรือไม่? การเล่นหุ้นก็เหมือนกันอาศัยแค่หนังสืออัดความรู้เต็มเปี่ยมไปลงทุน ไม่กำไรก็ขาดทุน ใช่ครับมีอยู่สองอย่าง แต่ผมฟันธงว่า ขาดทุนมากกว่า 55+ การลงทุนในหุ้นนั้น เพื่อนยังต้องอาศัย "ประสบการณ์" ด้วยครับ เน้นย้ำจริงๆ การอ่านทำให้เพื่อนๆ มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่ประสบการณ์คือของจริง ที่จะต้องใช้จริงในการลงทุน หรือเทรด(ซื้อ-ขาย) หุ้น เรื่องประสบการณ์ในการลงทุนนี้ พูดกันอีกยาวครับ แต่ผมจะแนะนำบางอย่างให้กับเพื่อนๆ
          ประสบการณ์นั้นมันสร้างความเคยชินครับ ความเคยชินจะช่วยให้เราเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ และมองเหตุการณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างเข้าใจนั่นเอง ทำไมผมใช้คำว่าความเคยชิน ใช่แล้วครับ ผมจะแนะนำให้เพื่อนๆ สร้างความเคยชินกับตลาดหุ้น และการลงทุนนั่นเองเริ่มด้วยการค่อยๆ เริ่มติดตามตลาดหุ้นทุกๆ วัน ทำความเข้าใจกับกระดานหุ้นและตัวเลขต่างๆ การอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ช่วยอะไรนะครับ แนะนำให้ลองเล่นจริงๆ อาจจะจากกระดานจำลองอย่างในเว็บพวก pantip.com หรือ settrade.com ก็ได้นะครับ แต่กระดานจำลองบนเว็บพวกนี้นั้นจะไม่ใช่เป็นแบบจริง หรือซื้อขายอิงจากกระดานจริง แต่จะเป็นกระดานจำลองที่การซื้อขายทำได้เองโดยตรง จะซื้อจะขายก็ทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีความต้องการขายหรือความต้องการซื้อจากกระดานจริงนั่นเอง มันเลยอาจจะทำให้พลาดการเรียนรู้การเทรดของจริงไปบ้าง แต่ก็ใช้ได้ในเบื้องต้นครับ หากต้องการของจริงแต่เงินปลอมต้องลองเล่นกับ Click2Win ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันได้นะครับ ที่ Click2Win นี้จะให้เพื่อนๆ ได้ใช้โปรแกรม Streaming Pro ซึ่งเป็นโปรแกรมจริงที่เขาใช้ในการซื้อขายหุ้นจริงๆ ออนไลน์ และ Click2Win จะให้เล่นในสถานการณ์จริง แต่ใช้เงินจำลอง การลองเล่นแบบนี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ ได้ประสบการณ์จากการเทรดจริงๆ แต่จะมีการแข่งขันเป็นรอบๆ ไม่ได้เปิดให้เล่นฟรีตลอดชาตินะครับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เพื่อนๆ คุ้นเคยกับกระดานหุ้น และตัวเลขต่างๆ รวมทั้งได้ประสบการณ์จริงในการเทรดหุ้น รับรู้และมองเห็นความเป็นไปของตลาดและหุ้นในแต่ละตัวเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ โดยที่ยังไม่ต้องใช้เงินตัวเองจริงๆ



          ข่าวสาร เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ อีกสิ่งหนึ่งที่จะมีปัจจัยในการลงทุนในตลาดหุ้น ของนักลงทุน ข่าวสารนั้นมีผลต่อหุ้นโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงข่าวสารต่างๆ ของแต่ละบริษัทและหุ้นรายตัว เพื่อนๆ ก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้จากหลายช่องทางครับ ทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต ซึ่งเพื่อนๆ ควรจะทำให้เป็นความเคยชินในการรับข่าวสารเหล่านี้ อย่างเช่นการเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ในทุกๆ เช้าเพื่อติดตามข่าวสารในแต่ละวัน เป็นต้น หนังสือพิมพ์ที่ผมแนะนำและเหมาะสำหรับนักลงทุน เช่น หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หนังสือฐานเศรษฐกิจ และหนังสือพิมพ์ที่เจาะเรื่องหุ้นโดยเฉพาะ เช่น หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น และ หนังสือพิมพ์ทันหุ้น ก็ลองเลือกอ่านดูแล้วกันนะครับ แล้วแต่ว่าแต่ละคนชอบสไตล์ของหนังสือพิมพ์ไหน หรือจะอ่านทั้งหมดเลยก็ได้ ได้ความรู้แบบครบถ้วนดี 55+ ส่วนช่องทางทางอินเตอร์เน็ต ก็มีสังคมนักลงทุนต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ห้องสินธรของพันธ์ทิพย์ เว็บบอร์ดต่างๆ หรือในสังคม Social Network อย่าง Facebook ก็มี Page ของกลุ่มนักลงทุนอย่างเช่น Settrade Club หรือ Pawanit Stock Comment แต่ข่าวสารเหล่านี้นั้น ก็มีทั้งข่าวดีและข่าวลวง ดังนั้นเพื่อนๆ ต้องวิเคราะห์ให้ดีหลังจากได้รับรู้ข่าวสารต่างๆ แล้ว ฟังหูไว้หูบ้าง รับรู้มาไว้เป็นความรู้และข่าวสารประจำวัน และดูทิศทางทั่วไป เป็นต้น ซึ่งบางข่าวก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นพุ่งพรวด แต่มันก็อาจจะโดนสับขาหลอกก็ได้ ประมาณนั้น
          หวังว่าจะเป็นแนวทางปูพื้นฐานให้กับเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ เพื่อจะทำให้เพื่อนๆ ได้เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างเต็มตัว โดยปราศจากความกลัวใดๆ ผ่านความรู้และประสบการณ์อันเต็มเปี่ยม ก่อนจะเป็นนักลงทุนมือใหม่นะครับ
          ดังคำกล่าวที่ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ก็ไม่ปาน

22 เมษายน 2554

หุ้น กับ หวย

 "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น" หลายคนคงเคยได้ยินสำนวนนี้มาบ้าง คนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยใจร้อน อยากรวยทางลัด อยากได้เงินเยอะๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย พูดง่ายๆ ว่าขี้เกียจนั่นเอง ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นหลายๆ คน หวังพึ่ง หวย เป็นบันไดแห่งความรวย ซึ่งการซื้อหวยแต่ละครั้งก็ไม่ใช่ถูกๆ มีตั้งแต่หลักร้อยบาท จนเป็นพันๆ บางคนเล่นเป็นหมื่นก็มี ผมไม่ได้ต่อต้านและไม่เถียงเลยว่า หวย พาคนรวยเป็นเศรษฐีเพียงข้ามคืนมากี่รายแล้ว แต่ผมเป็นคนหนึ่งแหละที่ไม่เล่นหวย เพราะไม่มีความเชื่อที่ว่า การพนันทำให้คนรวย ลองคิดเล่นๆ นะครับ สมมติให้เล่นง่ายสุดแล้ว 2 ตัวล่าง หรือบนก็ได้ นั่นคือคุณต้องเสาะหาเลขมา 2 ตัวเอาโดนๆ นะ นั่นหมายความว่าความน่าจะเป็นที่หวยมันจะออกเลข 2 ตัวที่คุณเลือกมานี้เป๊ะ คือ 1/100 หรือ 0.01% หมายความว่าโอกาสที่คุณจะถูกหวยจากเลข 2 ตัวชุดนี้ชุดเดียวคือ 1 ใน 100 (ซื้อ 100 ครั้ง ถูก 1 ครั้งนั่นแหละ) ไม่ต้องพูดถึง 3 ตัว หรือรางวัลที่ 1 ไปกันใหญ่ครับ โอกาสน้อยมากๆ แต่ก็นะของเหล่านี้ อยู่ที่โชคอย่างเดียว จริงๆ แต่ผมจะยกตัวอย่างการซื้อหุ้น คุณซื้อหุ้น 1 ตัว หุ้นมันง่ายๆ ครับ ง่ายกว่าหวยอีก ไม่ขึ้นก็ลง หรือโอกาส 50-50 นั่นเอง คิดเป็นความน่าจะเป็น 1/2 หรือ ซื้อ 2 ครั้ง กำไร 1 ครั้ง 55+ โอกาสมากกว่ากันเป็นไหนๆ!!!
          แต่ช้าก่อน!! ที่ผมเปรียบเทียบให้ดูนั่น ขำๆ นะครับเพื่อนๆ ไม่ได้ให้เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด แต่มันก็ทำให้มองเห็นภาพคร่าวๆ ได้ว่า หวย กับ หุ้น มันต่างกันนะ บางคนบอกเล่นหุ้นมันก็เสี่ยงพอๆ กันนั่นแหละ ผมบอกเลยว่า ไม่จริง ครับ ถ้าหากคุณศึกษาและใส่ใจในการลงทุนอย่างจริงจังและถ่องแท้ มองเห็นภาพอย่างชัดเจน การจะทำอะไรซักอย่าง หากเราศึกษาอย่างดี และมีความตั้งใจจริงแล้ว มันย่อมสำเร็จผลที่ดีอย่างแน่นอน ที่ผมจะบอกเป็นนัยๆ คือ อยากจะอธิบายความหมายของสำนวณ "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น" ว่าที่จริงแล้วที่เขากล่าวเช่นนี้เพราะว่า หวยมันไม่ได้ทำให้คนรวย หรือการพนันมันไม่ได้ทำให้คนรวยนั่นเอง เปรียบกับคนที่เล่นหวย ก็รู้ว่ามันมีโอกาสถูกน้อยมาก แต่ก็พยายามจะซื้อมันทุกเดือนถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เวลาถูกก็บอกว่าเลขเด็ดจริง เพราะโดนกินก็ว่าโชคไม่ดี พลาดไปนิดเดวเอ๊งง!! แล้วก็ซื้อมันอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ความจริงหากเอาเงินที่ไปซื้อหวยมาคิดจริงๆ แล้ว เงินที่โดนกินไปน่ะ มากกว่าเงินที่ได้เมื่อถูกหวยอีกครับ ผมล่ะเสียดายแทนจริงๆ จากนั้นลองมาดูคำที่ว่าคนรวยเล่นหุ้นบ้าง มันหมายถึงคนจะรวยต้องหมั่นศึกษา ทำงาน และตั้งใจจริงในสิ่งที่ทำ ไม่ใช่เข้าๆ ออกๆ พึ่งโชคลาภหรือรวยทางลัด เปรียบเสมือนกับการเล่นหุ้นหรือการทำงานใดๆ คนที่เล่นหุ้นแล้วเขารวยจริงๆ นั้น เขาไม่ใช่แค่มานั่งนึกว่าวันนี้จะซื้อหุ้นตัวไหน ซื้อ แล้วมานั่งลุ้นว่ามันจะขึ้นหรือจะลงหน๊ออ ไม่ใช่แบบนั้นครับ เขาเหล่านี้ต้องศึกษาอย่างจริงจังหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ภาพรวมตลาด การบ้านการเมือง พื้นฐานบริษัทต่างๆ ตลอดจนสัญญาณเทคนิคของหุ้น และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนที่เขาจะนำเงินไปลงทุนจริงๆ นี่แหละครับความแตกต่างของ คนจน กับ คนรวย
          ตลาดหุ้นของไทยเราดัชนีมันจะขึ้นหรือลงนั้น มีอิทธิพลจากไม่กี่สิ่งครับ และที่สำคัญก็คือการลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั่นเอง จะเห็นในหลายๆ ครั้งว่าหากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นเราวันใดมากๆ ก็จะมีผลให้ดัชนีนั้นขึ้นหรือลงได้ เพราะอะไรหรอครับ ก็เพราะผู้ถือหุ้นในหุ้นต่างๆ ในปริมาณสูงๆ ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็คือนักลงทุนต่างชาตินั่นเอง (ผมไม่ได้เหมารวมหุ้นทุกตัวนะครับ) แต่กลับกันที่หากวันใดที่มีนักลงทุนในประเทศนั้นซื้อขายกันเองที่ไม่รวมนักลงทุนต่างชาตินะครับ ดัชนีมันจะไม่ค่อยขยับซักเท่าไร ก็เพราะปริมาณผู้ลงทุนในประเทศเรานั้นมันน้อยมากๆ เขามีการสำรวจออกมาแล้วว่าคนไทยที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นจริงๆ ในบ้านเรานั้นมีเพียงประมาณ 1-2 แสนบัญชี แล้วหักผู้ที่มีบัญชีของตัวเองเกินกว่า 1 บัญชีอีก โอ่จะเหลือเท่าไร เทียบกับประชากรทั้งประเทศกว่า 60 ล้านคนแล้ว มันน้อยมากๆ ครับ ผมจึงอยากเห็นคนไทยหันมาให้สนใจกับการลงทุนในหุ้นหรืออื่นๆ ในประเทศตัวเองมากขึ้น นอกจากจะช่วยให้บริษัทต่างๆ นั้นมีเงินทุนมากมายหลั่งไหลเข้ามาแล้ว ยังช่วยพัฒนาให้คนในประเทศมีความรู้และมีฐานะที่ดีขึ้นด้วยครับ
          แต่ผมเน้นย้ำว่าการจะลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อนๆ ต้องเข้าใจและศึกษามันอย่างจริงจัง หมั่นศึกษาหาความรู้ต่างๆ จากหนังสือ หนังสือพิมพ์ ข่าวสาร และอื่นๆ อีกมาก (ซึ่งผมจะแนะนำในบทความครั้งต่อไป) ที่จะทำให้ตัวเองนั้นมั่นใจในการลงทุนอย่างแท้จริง ไม่ใช่จะเข้ามาพรวดๆ พราดๆ เห็นตลาดหุ้นเขาบูมกัน ดัชนีขึ้นเอาๆ เศรษฐกิจดีเยี่ยม บริษัทต่างๆ มีผลประกอบการที่ดี ก็เลยตามเขาเข้ามา แล้วก็มาลงทุนอย่างไร้ประสบการณ์และความรู้ แบบนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊งครับ
"นั่นคือหากคุณเล่นหุ้นอย่างไม่มีความรู้แล้ว ก็เหมือนกับการเล่นหวยดีๆ นี่เอง"

19 เมษายน 2554

ความกลัวในหุ้น

        
          "ผมจะเล่นหุ้นครับ" เพื่อนวัย Gen Y Z ทั้งหลาย หากคุณเป็นคนที่มีฐานะธรรมดา พอกินพอใช้ พ่อแม่เป็นข้าราชการ หรือพ่อค้าแม่ค้า ทำงานบริษัท ครับ ลองไปบอกพ่อกับแม่เพื่อนๆ แบบนี้ ก็จะได้คำตอบกลับมาว่า
"มันเสี่ยงนะลูก"
"เจ๊งกันมากี่รายแล้ว"
"เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่ ล้มละลายมาแล้ว"
บราๆๆ ทำนองนี้
          นี่คือคำตอบที่เพื่อนๆ จะได้รับจากพ่อกับแม่คนทำงานกินเงินเดือนทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ผ่านประสบการณ์หรือเหตุการณ์วิกฤติของเศรษฐกิจประเทศไทย อย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 มาแล้ว จะเข้าใจและฝังจิตฝังใจภาพเหตุการณ์ในอดีตเป็นอย่างดี คนรวยล้มละลาย คนจนเป็นหนี้ คนเครียดกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นั่นแหละครับ ภาพเมื่ออดีตเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนที่เคยผ่านประสบการณ์ในครั้งนั้นมาจะกลัว ที่จะนำเงินของตัวเองที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตไปจมอยู่ในตลาดหุ้นอีก ฝังใจเสมือนตลาดหุ้นเป็นของแสลงอย่างหนึ่ง นั่นเอง
          แต่หากเรามองกลับอีกมุมหนึ่ง ทำไมทุกวันนี้มันจึงเกิดเจ้าสัว เศรษฐี มากมาย หลังจากวิกฤติต้มยำกุ้ง!!???? พวกเขาเหล่านั้นทำอะไรในระหว่างที่ทุกคนอกสั่นขวัญผวาจากเศรษฐกิจที่ล้มไม่เป็นท่า ทำไม่เขาจึงรวย รวย รวยมหาศาลได้ คำตอบคือ เขาทำสวนทางกับทุกคนยังไงล่ะครับ หรือที่เค้าเรียกว่า "นักสวน" คือทำตรงข้ามกับคนอื่น แทนที่จะกระโจนหนีจากตลาดที่ตกต่ำ แต่เขาเหล่านี้กลับกระโดดเข้าไป และบอกว่า นี่แหละ โอกาสทอง!!!
          ผมกำลังจะบอกว่า การจะทำอะไรทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จนั้น เราต้องเข้าใจในสิ่งที่เราจะทำอย่างท่องแท้และลึกซึ้ง ให้มันมากที่สุด เปรียบเสมือนกับการลงทุนอะไร หากเพื่อนๆ ไม่รุจัก ไม่เข้าใจมัน พอเห็นตลาดวิกฤติมากๆ ก็จะตื่นตระหนก กลัว หลายอย่างๆ ด้วยอารมณ์ที่คิดว่า แย่แล้ว เพราะยังไม่เข้าใจธรรมชาติของตลาดทุนนั่นเอง ต่างกับคนที่เข้าใจ และศึกษามันเป็นอย่างดีก็จะเข้าใจว่าตลาดทุน หรือตลาดหุ้น เศรษฐกิจ ทุกอย่างมันมีวงจร มันมี cycle ของมัน มีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อตลาดมันบูมมากๆ พุ่งมากๆ มันก็จะระเบิด หรือที่เค้าเรียกว่า crash เพราะเมื่อ demand หรือความต้องการซื้อมันมีมากเกินกว่า supply หรือความต้องการขาย มันจะไปต่อได้อย่างไร มันก็ต้อง บูม! crash ลงมา อะไรประมาณนี้ ให้มองเห็นภาพคร่าวๆ และนิแหละที่เป็นจุดแบ่งความแตกต่างของคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจในการลงทุน ผู้ที่เข้าใจเขาก็จะรีบเข้าซื้อในช่วงที่หุ้นมีราคาถูกหลังจากมัน crash และเห็นว่ามีสัญญาณต่างๆ ที่ตลาดมันกำลังจะกลับมา เมื่อเขาซื้อได้ในราคาที่ถูก มันก็ กำไรสุดๆ!! พวกที่ไม่ใช้ของแท้ ก็จะรอๆๆๆ รอจนเห็นว่าตลาด และเศรษฐกิจกลับมาบูมอีกครั้ง ถึงจะเริ่มเข้าไปลงทุน แล้วก็บ่นว่าขาดทุน กำไรน้อย แล้วก็ crash!! อีกแล้ว 55+ คนที่เขาเก็บมาก่อนเขาก็นั่งยิ้ม นอนกอดเงินกันไปตามๆ กัน แล้วก็นั่งดู "เหล่าแมลงเม่า" ที่เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็น cycle จริงๆ ครับ เหอๆๆ


          ณ เวลานี้ 19 เม.ย. 2554 SET ขึ้นไปแล้วที่ 1090 จุด หลังจากซมซานมานาน หากเรามองย้อนกลับไปที่ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง SET อยู่ที่ประมาน 1700 จุด มันก็บ่งบอกเป็นสัญญาณอยู่แล้วว่า ตลาดหุ้นบ้านเราตอนนี้กำลังตื่นตัว และบูมสุดๆ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่จะเล่าในบทความนี้คงไม่หมด แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับเริ่มตื่นตัวกับตลาดบ้างหรือยัง หรือจะรอจนมันวิ่งไปเกินกว่า 1700 แล้วค่อยสนใจเข้าลงทุน ถึงตอนนั้นคงสายไปแล้ว แต่ผมจะบอกว่าถ้าเพื่อนๆ เริ่มสนใจตั้งแต่ตอนนี้ "ยังไม่สายครับ" อิอิ ^^